นาโปลีเปิดรังขยี้หงส์แดง เสือใต้-ไก่เดือยทอง-บาร์ซ่าคว้าชัยยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
Posted: Thu Sep 08, 2022 11:30 am
นาโปลีเปิดบ้านอัดลิเวอร์พูลยับรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ขณะที่บาเยิร์น มิวนิก บุกขย้ำอินเตอร์ มิลาน ส่วนท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เก็บชัยนิ่มๆ
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2022-23 รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อวันที่ 7 กันยายน กลุ่มเอ “อัซซูรา”นาโปลี จากอิตาลี เปิดสนามสตาดิโอ ดิเอโก อาร์มันโด มาราโดนา รับการมาเยือนของรองแชมป์เก่า “หงส์แดง”ลิเวอร์พูล จากอังกฤษ
เกมนี้เจ้าบ้านจัด วิกเตอร์ โอซิเมน, มัตเตโอ โปลิตาโน, พิโอเตอร์ ซีลินสกี ลงสนาม ส่วนทีมเยือนใช้งาน โรแบร์โต ฟีร์มิโน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ
เริ่มเกมมาเพียงนาทีแรก นาโปลีเกือบได้ประตูขึ้นนำ โจวานนี ดิ ลอเรนโซ หยอดบอลจากบริเวณครึ่งสนามขึ้นไปข้างหน้า วิกเตอร์ โอซิเมน สปีดมาแตะหลบผู้รักษาประตูได้แล้ว ก่อนจะยิงจากมุมแคบไปชนเสา
นาที 4 พิโอเตอร์ ซีลินสกี รับบอลได้ในเขตโทษแล้วสับไกยิงไปติดมือ เจมส์ มิลเนอร์ ผู้ตัดสินจึงให้จุดโทษแก่นาโปลี ซีลินสกีรับหน้าที่สังหารเองไม่พลาด เจ้าบ้านนำ 1-0
นาที 16 ผู้ตัดสินดูวีเออาร์ย้อนหลัง แล้วตัดสินว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ทำฟาวล์ใส่ วิกเตอร์ โอซิเมน ในเขตโทษ นาโปลีจึงได้จุดโทษอีกครั้ง
โดยหนนี้โอซิเมนรับหน้าที่ยิงเอง แต่ไปติดเซฟ อลิสซอน เบ็กเกอร์ บอลกระฉอกมาทาง โจวานนี ดิ ลอเรนโซ ยิงซ้ำข้ามคานไปอีก ลิเวอร์พูลจึงรอดตัวไป
นาที 28 แนวรับลิเวอร์พูลเล่นพลาดเอง วิกเตอร์ โอซิเมน จึงฉกได้แล้วหลุดเข้าเขตโทษ ก่อนจะเลือกปาดให้ ควิชา ควารัตส์เคเลีย สับไกยิง เฟอร์จิง ฟาน ไดก์ สกัดออกจากปากประตูได้แบบหวุดหวิด นาโปลีชวดโอกาสทำประตูไปอีกครั้ง
นาที 31 อองเดร-ฟรองก์ ซ็องโบ อองกิสซา ได้บอลทางด้านซ้ายของเขตโทษ ก่อนจ่ายมาที่ พิโอเตอร์ ซีลินสกี ทำชิ่งให้อองกิสซาหลุดเข้าพื้นที่ว่างในเขตโทษแล้วยิงไม่เหลือ นาโปลีทิ้งห่าง 2-0
นาที 34 ลิเวอร์พูลเกือบตีไข่แตก เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดฟรีคิกระยะไกลลึกเข้าเขตโทษให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดก์ ขึ้นโขกกดลงพื้นตรงกรอบ อเล็กซ์ เมเรต ยังพุ่งปัดทิ้งได้เยี่ยม
นาที 44 ควิชา ควารัตส์เคเลีย ชนะการปะทะชิงบอลกับกองหลังลิเวอร์พูลทางริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจะตบเข้ากลางให้ โจวานนี ซิเมโอเน เข้าฮอร์สเผาขนไม่มีพลาด จบครึ่งแรกนาโปลีจึงทิ้งไปไกล 3-0
ครึ่งหลังนาที 47 อองเดร-ฟรองก์ ซ็องโบ อองกิสซา วางบอลยาวขึ้นหน้า มัตเตโอ โปลิตาโน สปีดไปรับทางด้านขวาของเขตโทษ ก่อนที่โปลิตาโนจะปาดเข้ากลางให้ พิโอเตอร์ ซีลินสกี ยิงจังหวะแรกติดเซฟนายทวาร แต่ซีลินสกีก็ซ้ำดาบสองเข้าไปเป็น 4-1
นาที 49 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตัดบอลได้บริเวณกลางสนาม แล้วลูกกระฉอกมาเข้าทาง หลุยส์ ดิอาซ เลี้ยงจี้มาหน้าเขตโทษแล้วปั่นด้วยขวาเสียบมุม ลิเวอร์พูลไล่มา 1-4
นาที 61 ลิเวอร์พูลมีโอกาสได้ประตูอีกครั้ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้าเขตโทษให้ หลุยส์ ดิอาซ โฉบมาขวิด แต่บอลตรงตัว อเล็กซ์ เมเรต ปัดทิ้งออกไปได้
จากนั้นไม่มีฝั่งไหนยิงประตูเพิ่มได้อีก จบเกมนาโปลีเป็นฝ่ายชนะขาดลอย 4-1 ประเดิมเก็บ 3 คะแนนแรก
ส่วนอีกคู่ อาแจ็กซ์ จากเนเธอร์แลนด์ เปิดบ้านเอาชนะเรนเจอร์ส จากสกอตแลนด์ 4-0 เจ้าถิ่นได้ประตูจาก เอ็ดสัน อัลบาเรซ นาที 17, สตีเฟน เบิร์กฮอยส์ นาที 32, โมฮัมเหม็ด คูดัส นาที 33, สตีเฟน เบิร์กไวน์ นาที 80
กลุ่มบี “ตราหมี”แอตเลติโก มาดริด จากสเปน เปิดสนามเอสตาดิโอ ซิบิตาส เมโตรโปลิตาโน เอาชนะปอร์โต จากโปรตุเกส 2-1
เจ้าบ้านได้ประตูจาก มาริโอ เอร์โมโซ นาที 90+2, อองตวน กรีซมันน์ นาที 90+11 ส่วนทีมเยือนได้จาก มาเตอุส อูริเบ นาที 90+6 (จุดโทษ) เกมนี้ปอร์โตต้องเหลือ 10 คน เมห์ดี ตาเรมี ถูกไล่ออกนาที 82
ส่วนอีกคู่ คลับ บรูช จากเบลเยียม เอาชนะไบเออร์ เลเวอร์คูเซน จากเยอรมนี 1-0 เจ้าบ้านได้ประตูจาก อบาการ์ ซิลลา นาที 42
กลุ่มซี “งูใหญ่”อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี เปิดสนามสตาดิโอ จูเซปเป เมอัซซา แพ้ต่อ “เสือใต้”บาเยิร์น มิวนิก จากเยอรมนี 0-2
เจ้าบ้านได้ประตูจาก เลอรอย ซาเน นาที 25, ดานิโล ดัมโบรซิโอ นาที 66 (ทำเข้าประตูตัวเอง)
ส่วนอีกคู่ บาร์เซโลนา จากสเปน เอาชนะวิกตอเรีย เพลเซน จากสาธารณรัฐเช็ก 5-1 เจ้าบ้านได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ทำแฮตทริกนาที 34, 45 และ 67 ประตูที่เหลือมาจาก ฟรองก์ เคสซิเย นาที 13, เฟร์รัน ตอร์เรส นาที 71 ส่วนทีมเยือนได้จาก ยาน ซีโครา นาที 44
กลุ่มดี “ไก่เดือยทอง”ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จากอังกฤษ เปิดสนามท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม เอาชนะโอลิมปิก มาร์กเซย จากฝรั่งเศส 2-0
เจ้าบ้านได้ประตูจาก ริชาร์ลิสัน นาที 76 และ 81 โดยเกมนี้ทีมเยือนเหลือ 10 คน ช็องเซล เอ็มเบ็มบา ถูกไล่ออกนาที 48
ส่วนอีกคู่ ไอน์ทรักต์ แฟรงก์เฟิร์ต จากเยอรมนี แพ้ต่อสปอร์ติง ลิสบอน จากโปรตุเกส 0-3 ทีมเยือนได้ประตูจาก มาร์คัส เอ็ดเวิร์ดส์ นาที 65, ฟรานซิสโก ตรินเกา นาที 67, นูโน ซานโตส นาที 82