รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ฝากคำพูดโดยตรง ถึง รักษาการประธานบริหารไทยลีก “โควตาเอซีแอลมีมูลค่ากับสโมสรที่ได้รับมาก”
วันที่ 27 พ.ค. 65 ณ ที่ทำการบริษัท ไทยลีก จำกัด อาคารจิตอุทัย ชั้น 14 เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด 2 สโมสรที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเปลี่ยนแปลงโควตา ACL 2023-24 โดยให้สิทธิ์ 1+1 (แชมป์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ) จาก ฤดูกาล 2021-22 และ 2022-23 เข้ายื่นหนังสือถึง วรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อคัดค้านแนวทางดังกล่าว
ล่าสุด "บิ๊กเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ให้สัมภาษณ์ว่า "เมืองทองคือทีมอันดับ 4 ไทยลีกฤดูกาล 2021-22 ซึ่งได้สิทธิ์แข่งขันฟุตบอลเอซีแอล รอบเพลย์ออฟ โดยปฏิบัติตามกฎแข่งขันทุกอย่าง แต่เมื่อเจอกับเหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกว่าสโมสรไม่ได้รับความชอบธรรม ส่งผลต่อความสำเร็จ นักเตะ และความทุ่มเทที่สโมสรตั้งใจทำมาตลอด เช่นกันกับความผิดหวังของแฟนบอล ที่จะเห็นได้ว่า หลังเสร็จภารกิจในไทยลีกนัดสุดท้าย เมื่อทุกคนรู้ว่าพวกเราจบอันดับ 4 ทุกคนดีใจเป็นอย่างยิ่ง"
"การที่เอเอฟซีปรับเวลาแข่งขัน จากเดิมที่จะเริ่มสตาร์ตเพลย์ออฟเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม มาปรับเป็นสิงหาคมทำให้เป็นการแข่งขันคร่อมปี ซึ่งควรจะยึดหลักตามกฎเดิมคือเป็นโควตา 4 ทีมจากฤดูกาล 2021-22 ตามเดิม ซึ่งจะเป็นธรรมมากกว่า"
นอกจากนี้ "บิ๊กเป้" ยังฝากสั้นๆ ถึง "กรวีร์" อีกว่า "เข้าใจคุณแชมป์ กรวีร์ นะครับที่บอกว่าถ้าไม่มีโควตาเอซีแอลฤดูกาลหน้าจะส่งผลเสียต่อมูลค่าการตลาด แต่อยากเรียนให้ทราบว่าการได้โควตาดังกล่าวก็มีผลต่อมูลค่าของสโมสรเช่นกัน"